Matterport ได้ปล่อยเครื่องมือในการสแกนพื้นที่จนถึงตอนนี้แล้วทั้งหมด3ตัว ซึ่งประกอบไปด้วย Matterport pro3, Matterport Pro2 และล่าสูดได้ปล่อยmatterport Axisตามมาติดๆ ซึ่งทำให้หลายคนสับสนว่าควรใช้อุปกรณ์ตัวไหนให้เหมาะกับงานของคุณซึ่งวันนี้เราจะมาเแรียบเทียบให้เห็นภาพชัดเจนแต่ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักอุปกรณ์ทั้ง3ตัวนี้กันคร่าวๆก่อน
Matterport Pro2
เป็นอุปกรณ์Space Scanner ที่ได้รับความนิยมอย่างมากมาสักพักด้วยความสามารถในการถ่ายภาพ360องศาด้วยความละเอียดสูงและความเร็วในการสแกนต่อจุดเพียง20วินาทีเท่านั้น และมาพร้อมกับเซนเซอร์อินฟราเรดที่ช่วยเรื่องของการวัดระยะชัดลึกได้แม่นยำมากขึ้น จึงทำให้Matterport Pro2นั้นสามารถที่จะใช้เป็นเครื่องมือวัดได้ระดับนึงเลยทีเดียว และยังสามารถสแกนเพื่อที่จะใช้ไฟล์OBJหรือE57ได้
ข้อจำกัดอย่างนึงของMatterport Pro2นั้นคือตัวเซนเซอร์อินฟราเรดเองครับ ซึ่งจะไม่สามารถสแกนแกนงานกลางแจ้งได้ทำให้การใช้งานMatterport Pro2คือการใช้งานในร่มเป็นหลักนั่นเอง
Matterport Pro3
Matterport Pro3นั้นเป็นอุปกรณ์รุ่นอัพเกรดล่าสุดของMatterport ที่ฟังก์ชั่นหลายๆอย่างคือการชดเชยจุดอ่อนของMatterport pro2นั่นเอง โดยที่Matterport Pro3นั้นจะมีส่วนที่เพิ่มเข้ามาคือ LiDar sensor ที่มีความสามารถในการตรวจวัดที่แม่นยำและระยะที่ไกลกว่า ทำให้การสแกนพื้นที่ของMatterport pro3นั้นทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังสามารถสแกนพื้นที่กลางแจ้งได้และยังสามารถสแกนเพื่อที่จะใช้ไฟล์OBJและE57ได้เป็นอย่างดี ความสามารถของSpace Scannerที่ใช้LiDar sensorนั้นจะพบได้ในLeica BLK360 ซึ่งเป็นSpace scannerระดับHigh performance ที่เน้นใช้งานเพื่อการวัดและใช้งานE57อย่างจริง
ด้วยความสามารถระดับนี้แน่นอนว่าอาจจะทดแทนMatterport pro2ก็เป็นได้ แต่สิ่งที่สำคัญของMatterport Pro3คือเรื่องราคาครับ เพราะราคาของเครื่องนั้นจะเพิ่มขึ้นมาเป็นเท่าตัวจากMatterport pro2 ซึ่งหากการสแกนพื้นที่ที่ไม่ได้ต้องการความม่นยำหรือการสแกนกลางแจ้งนั้น การเลือกMatterport Pro2จะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าแน่นอน
Matterport Axis
อุปรณ์เสริมสำหรับการสแกนSpace Scannerแบบพกพาที่จะไม่ได้ใช้กล้องจากmatterportเลยแม้แต่น้อย Matterport Axisนั้นคืออุปกรณ์กิมบอลติดขาตั้งกล้องที่มีหน้าที่ในการจับสมาร์ทโฟนให้หมุนไปตามมุมที่Matterportได้กำหนดไว้ โดยจะสแกนด้วยสมาร์ทโฟนที่นำมาติดตั้ง ฉะนั้นคุณภาพการสแกนจะขึ้นอยู่กับกล้องมือถือที่ใช้ทั้งหมด ซึ่งถ้าต้องการความละเอียดค่อนข้างสูงก็จำเป็นต้องใช้สมาร์ทโฟนระดับเรือธงมาใข้งานซักหน่อย
Matterport Axisจะทำการเชื่อมต่อกับเลนส์Ultrawide แต่ถ้าหากไม่มีก็จะใช้งานกับเลนส์หลักแทน
สำหรับสมาร์ทโฟนที่แนะนำคือ IphoneระดับProขึ้นไป เพราะตัวเครื่องจะมีLiDarที่รองรับการใช้3D Scanซึ่งจะทำให้ได้ไฟล์สามมิติมาด้วย
เราได่ทำตารางเปรียบเทียบสเปคคร่าวๆกับความสามารถต่างๆของอุปกรณ์ของMatterport แต่ละตัวกันครับ
คุณสมบัติ/เครื่องสแกน | Matterport Pro2 | Matterport Pro3 | Matterport Axis |
เทคโนโลยีการสแกน</td> | Light Structure(Infrared) | LiDar Sensor | LiDar(Iphone),Depth camera(Anddroid) |
ความคมชัดของภาพ | 134.2MP | 134.2MP | ขึ้นอยู่กับอุปกรณ์ |
ความเร็วในการสแกน | 20วินาที | 20-30วินาที | 40วินาที(ultrawide),60วินาที(Main camera) |
การสแกนภายนอกอาคาร | ⭐️ | ⭐️⭐️⭐️⭐️⭐️ | ⭐️⭐️⭐️ |
การสแกนภายในอาคาร | ⭐️⭐️⭐️⭐️⭐️ | ⭐️⭐️⭐️⭐️ | ⭐️⭐️⭐️ |
ความสมบูรณ์ไฟล์3มิติ | ⭐️⭐️⭐️ | ⭐️⭐️⭐️⭐️⭐️ | ⭐️⭐️ |
การสแกนภายในอาคาร | ⭐️⭐️⭐️⭐️⭐️ | ⭐️⭐️⭐️⭐️ | ⭐️⭐️⭐️ |
ความชัดของภาพ360View | ⭐️⭐️⭐️⭐️⭐️ | ⭐️⭐️⭐️⭐️ | ⭐️⭐️⭐️ |
ความแม่นยำในการวัด | ⭐️⭐️⭐️⭐️ | ⭐️⭐️⭐️⭐️⭐️ | ⭐️⭐️ |
สรุป
Matterport Pro2 เป็นอุปกรณ์ที่เหมาะกับการสแกนพื้นที่ภายในอาคารเป็นหลัก ที่สามารภสแกนได้ทั้งภาพ360 ทั้งไฟล์3มิติ และยังสามารถรังวัดพื้นที่ แต่ด้วยข้อจำกัดในการแสกนกลางแจ้งนั้นทำได้ยากเนื่องจากเป็นInfrared เมื่อเจอแดดจะให้การตรวจจับของเซนเซอร์นั้นทำได้ยาก แต่หากจำเป็นต้องสแกนอาจจะแก้ปัญหาด้วยการถ่ายภาพ360แล้วไปแปะไว้บนพื้นที่แทน
Matterport Pro3 เป็นอุปกรณ์ที่เหมาะกับการสแกนพื้นที่ได้ทั้งกลางแจ้งและภายในอาคารเนื่องจากใช้เซนเซอร์LiDarที่มีความแม่นยำสูงและตัวเซนเซอร์เองเป็นการยิงเลเซอร์ทำให้สแกนได้ทุกพื้นที่ อีกทั้งยังได้ภาพที่คมชัด และได้ไฟล์3มิติที่คมมากขึ้น แต่ถ้าเน้นการใช้งานสแกนภายในอาคารเป็นหลักแนะนำให้เลือกMatterport Pro2จะเหมาะกว่าเพราะด้วยราคาที่ต่างกันเกือบเท่าตัวเลยทีเดียว
Matterport Axis เป็นการใช้มือถือของเราในการสแกนพื้นที่ซึ่งทำให้การสแกนเพื่อจะใช้งานไฟล์3มิตินั้นทำได้ยากมากเพราะมือถือส่วนใหญ่นั้นไม่มีเซนเซอร์ที่ใช้ในการสแกน3มิติโดยส่วนใหญ๋นั้นเซนเซอร์ที่ให้มานั้นจะใช้เพื่อวัดระยะลึกตื้นเท่านั้น การเลือกใช้Matterport Axisนั้นจะใช้เพื่อสแกนพื้นที่เท่านั้น แต่ข้อดีคือสามารถสแกนได้ทั้งภายในและนอกอาคาร แต่ทั้งนี้จำเป็นต้องซื้อสมาร์ทโฟนระดับเรือธงซักหน่อยเพื่อให้การสแกนได้ลื่นไหลและชัดเจนมากขึ้น(แนะนำเป็นIphone Pro Series)