สร้างรายได้จาก Matterport ลงทุนกี่บาท? Virtual Experience ทำงานเห็นจากโลกเสมือน

สร้างรายได้จาก Matterport ลงทุนกี่บาท? Virtual Experience ทำงานเห็นจากโลกเสมือน

จากบทความที่แล้ว เราได้เห็นประโยชน์จาก Matterport ไปแล้วเป็นการสร้างประสบการณ์เสมือน Virtual Experience กับพื้นที่ Space หนึ่งๆ นำไปต่อยอดใช้งานเชิงพาณิชน์มากมายทั้งการขายของ Virtual Commerce, การท่องเที่ยวเสมือน Virtual Tour, การใช้เชิงสถาปัตย์-วิศวกรรม-ก่อสร้าง AEC Architect-Engineer-Construction เหมือนเราเข้าไปเดินในสถานที่จริงได้จากที่บ้าน ได้ทั้งแว่น VR, Smart Phone, Tablet, PC โดย Matterport ค่อนข้างใช้งานเมื่อเทียบกับ Virtual World อื่นๆการทำงานคล้าย Google Street View ที่เราเข้า Interaction ได้ บริษัทอยู่ในตลาด Nasdaq มีตัวย่อคือ MTTR เป็นบริษัทที่ร้อนแรงตัวหนึ่งในช่วงนี้ ช่วงที่ Metaverse เป็นกระแส

หลายคนเริ่มอยากทำ แต่มีคำถามต่อมาว่า ลงทุนแพงไหม? เริ่มต้นอย่างไง? บทความนี้จะมาตอบคำถามส่วนนี้ครับ โดยทั่วไปการเริ่มธุรกิจ บริการสแกนเก็บโลกเสมือน Space Capture จะมีต้นทุนอยู่ 2 ส่วนคือ Hardware คือพวกกล้อง 3D, 3D Scanner รวมถึงเครื่องมือถ่ายภาพทางอากาศ และ Subscription/Plan คือค่าเช่าพื้นที่ Space ยิ่งใช้ยิ่งถ่ายเก็บ Space เยอะยิ่งจ่ายเยอะ

Entry เริ่มต้นด้วยมือถือ / Essential หากเริ่มรับงานควรต้องมี Matterport Pro2 / Elite เหมาะกับการรับงานทุกแบบ Indoor, outdoor, 3D, AEC, Aerial

ต้นทุน Hardware vs Subscription

Hardware เป็นการลงทุนในครั้งเดียว จนกว่าเราจะทำกล้องพัง โดรนพัง สามารถเริ่มตั้งแต่กล้องมือถือของเรา(อาจจะทำงานยากหน่อย) กล้อง 360(ภาพโอเค แต่ 3D ไม่ดี) กล้อง 3D(ภาพดี 3D ใช้ได้) Lidar 3D Scanner (ภาพและ 3D คุณภาพสูง) โดรน (เก็บภาพมุมสูง)

  • Smartphone Tablet อันนี้ไม่ต้องลงทุนอะไร ใช้จากที่เรามีอยู่ แต่ใช้งานยาก เสียเวลา และ คุณภาพแย่สุดใน Hardware
  • Matterport Axis Gimbal แปลงมือถือ ให้ถ่ายภาพ 360 ได้ เหมาะกับผู้เริ่ม ทำความคุณเคยกับ Matterport
  • กล้อง 360 / Instra360 คุณภาพรูปสวย ทำงานรวดเร็วและให้คุณภาพ 3Dแย่ เนื่องจากใช้ AI เอารูป 2D ไปทำเป็น 3D
  • Matterport Pro2 กล้องถ่ายรูป 3D สามารถเก็บรูปรอบทิศโดย ความละเอียด 138mp ใช้เทคโนโลยี Infrared เพื่อเก็บภาพ 3มิติ เป็นตัวนี้ใช้งานดี เป็นตัวพื้นฐานหาก ทำธุรกิจนี้ต้องมีครับ แต่มีข้อจำกัดอยู่บ้างคือ Infrared นั้นมี Scope การทำงานที่แคบระยะไม่ไกล และสู้แสงแดดไม่ได้ จึงใช้ได้แค่ภายในอาคาร Indoor
  • Leica BLK360 กล้อง Lidar Scanner เกรด Survey ของแบรนด์ดังระดับโลก ราคาอาจจะแพงหน่อย แต่ถือว่าถูกสุดในกลุ่ม Survey ที่ราคาเกินล้านทั้งหมด ยิ่งลำแสงเลเซอร์ออกทุกทิศทางเพื่อสร้างเป็นโมเดล 3มิติ ตัวนี้จะได้ 3D คุณภาพสูง แต่ทำงานช้ากว่า Matterport เอาไว้สแกน Outdoor และ เก็บโครงสร้างสำคัญ
  • Drone Arial Photography อันนี้จะมีหรือไม่มีก็ได้ แต่มีจะเพิ่ม Profiles และเติมเต็มช่วงการถ่ายภาพของเราทั้งหมด ทำให้งานสมบูรณ์แบบ สามารถเก็บ Footage ทางอากาศได้ด้วย แนะนำเช่น Mavic Air2S, Mavic3 ใช้โหมดการถ่ายภาพ 360

Subscription/Plan จ่ายเงินตาม Space ที่เราใช้ ตัวเลขกลมๆคือ 100฿/Space/ปี ตกไม่ถึงหนึ่งร้อยบาทต่อเดือนต่อสเปส หากทำธุรกิจรับสแกนต้องเลือก Professional ขึ้นไปเนื่องจากมีการกำหนดขึ้นต่ำการใช้กล้อง Matterport Pro2 ต้องใช้ Professional ขึ้นไป รายได้หลักจริงๆของ Matterport อยู่ที่ Subscription นั้นเอง เพราะกินได้ยาวๆ

  • Free ได้ (1Space 2Users) ถ่ายได้เฉพาะ Smartphone, Tablet — $0 / month
  • Starter  (5Spaces 2Users) ถ่ายได้เฉพาะ Smartphone, Tablet — $9.99 / month
  • Professional** (25Spaces 5Users) รองรับทุกอย่าง Function เต็ม — $69 / month** ควรเลือกตัวนี้เพื่อเริ่มต้น
  • Business (125Spaces 25Users) รองรับทุกอย่าง Function เต็ม — $309 / month

Note : ติดต่อ Dfine เพื่อราคาพิเศษและบริการให้คำปรึกษา Line @dfine , 082-209-9942  

Entry – เริ่มต้น ทำความคุ้นเคย

สำหรับผู้ที่อยากทดลองทำความคุณเคยกับงานถ่ายภาพ Space Capture แต่ไม่สามารถคาดหวังได้มาก อาจจะยากในการไปรับงานที่ต้องการคุณภาพดี อันนี้เหมาะกับการทดลองใช้ให้คุ้นกับระบบมากกว่า ทำงานโดยเอากล้องมือถือมาถ่าย ขยับมุมกล้องตามคำแนะนำจนได้รูป 360 / ถ่ายจากกล้อง 360เลย AI จะทำการแปลงภาพถ่าย 2D ไปทำเป็น 3D ความแม่นยำจึงต่ำ

Scope งานที่รับได้ :  Indoor⭐ Outdoor❌ AEC❌ Aerial❌
Budget💰  :  Free-10,000฿
Hardware📷 : ใช้มือถือที่มีอยู่ – กล้อง 360 ราคาประมาณหมื่นบาท, และ Matterport Axis
ประเภทงาน : ห้องเล็กๆ 2-3 ห้อง
Subscription : Free, Starter
Sample : Entry1, Entry2


Dfine – Digital Reality


Dfine – Digital Reality

จริงๆเริ่ม ต้นด้วยการใช้มือถือได้ แต่จะใช้เวลาในการทำนานและ ขนาด 3D ไม่แม่นยำ มีตัวช่วยอยู่บ้างเช่น Matterport Axis

Essential – รับงานจริงจัง เน้น Indoor

สำหรับคนที่รับงานจริงจัง ทำเป็นธุรกิจ โดยตัว Matter Pro2 สามารถเก็บจาก 360ได้ดีมาก 3D พอใช้ได้ รองรับการทำงานเก็บ 70-80% ของความต้องการลูกค้า อยู่ในขั้นนี้สามารถรับงานได้แล้ว แต่อาจจะยังมีข้อจำกัดที่หากขนาด ไซต์งานใหญ่มากๆ หรือมีส่วนที่เป็น Outdoor ตัวโปร2อาจจะเก็บได้ไม่ดีนัก เนื่องจากเป็น Technology Infrared ระยะในการเก็บจะน้อยกว่าและไม่สู้แสง เหมือนตัว Leica BLK360

Scope งานที่รับได้ :  Indoor⭐⭐⭐⭐ Outdoor⭐ AEC⭐⭐ Aerial❌
Budget💰  :  120,000-160,000฿ กล้อง360, Matterport Pro2
Hardware📷 : กล้อง360, Matterport Pro2
ประเภทงาน : สถานที่ขนาดกลาง, หลายห้อง, หลายชั้น งานภายใน
Subscription : Professional
Sample : Essential1, Essential2


Dfine – Digital Reality


Dfine – Digital Reality

Matterport Pro2 เป็นกล้อง 3มิติเก็บรูปได้สวย 3D โอเค จึงสามารถรับงานทั่วไป

Elite – รับงานได้ทุกแบบ Indoor, Outdoor จริงจังคุณภาพ

สำหรับธุรกิจที่รับงานจริงจังที่สุด รองรับงานทั้ง Indoor, Outdoor, พื้นที่ขนาดใหญ่มากๆ และการเก็บภาพจากมุมสูง งานที่ได้จะดีที่สุดและ 3D มีความแม่นยำเนื่องจากใช้ตัว BLK360 ที่เป็น Lidar Scanner เกรด Survey ในการสร้าง Point Cloud งานที่ได้จะแม่นยำ สามารถรับงาน Outdoor รวมถึงโรงแรม, สถานที่สำคัญ และอื่นๆ

Scope งานที่รับได้ :  Indoor⭐⭐⭐⭐ Outdoor⭐⭐⭐ AEC⭐⭐⭐⭐ Aerial⭐⭐
Budget💰  :  ประมาณ 900,000฿
Hardware📷 : กล้อง360, Matterport Pro2(Indoor), Leica BLK360(Outdoor), Drone อย่าเลือกตัวเล็กไปครับ แนะนำ Mavic Air2S, Mavic3 (Aerial)
ประเภทงาน : งานเล็ก – กลาง – ใหญ่ โรงงานขนาดใหญ่ พื้นที่แสดงสินค้า พื้นที่ Outdoor
Subscription : Professional
Sample : Elite1, Elite2


Dfine – Digital Reality


Dfine – Digital Reality

Elite สำหรับรับงานเต็มรูปแบบทั้ง Indoor Outdoor Aerial 3D และ AEC สิ่งที่ต้องมีคือ Drone และกล้อง Lidar Scan Leica BLK360

คืนทุนเมื่อไหร่?

คืนทุนเมื่อรับบริการสแกนเก็บพื้น 10-12 Space สำหรับ Essential ประมาณ 2-3 เดือน (เมื่อคิดว่ารับงานได้เดือนละ 4Space) ซึ่งคือว่าเร็วมาก แต่ทั้งนี้ขึ้นกับความสามารถของ Team การให้คำแนะนำลูกค้า และ การนำไปพัฒนาต่อยอด สร้างเลเยอร์มาซ้อนอีกชั้น ซึ่งจะคืนทุนเร็วกว่านั้นมาก ทำแค่ Space เดียวอาจจะคืนทุนได้หากเราสามารถประยุกต์ Virtual และ การนำเสนอที่ดีให้ลูกค้าได้ครบวงจร

เราสามารถรับจ้าง Space Capture ให้ลูกค้าเพื่อเป็นการเพิ่มมูลค่าให้ธุรกิจ โดยมากสามารถไปต่อยอดใช้เพื่อสร้าง Branding, Virtual Commerce, Virtual Tour หรือแม้กระทั่งเก็บเป็น Portfolio สำหรับสถาปนิก, ผู้รับเหมาก่อสร้าง เก็บผลงานเพื่อการนำเสนอสินค้า โดยมาลูกค้าที่ลงทุนในระบบ Matterport จะเป็น Agency โฆษณา, Architect Studio, ผู้ทำงานเกี่ยบกับสื่อ, คนทำและจัดงานแสดงสินค้า

ทำไมเลือก Dfine3D?

เพราะธุรกิจเรามีรายได้จาก Hardware และ Subscription ไม่ได้มุ่งเน้นรับงานบริการถึง End User บริการเป็นการเปิดทางให้ลูกค้ามาซื้อสินค้าหลักจากเรา ปกติเราอยากให้ลูกค้าเราไปรับงานให้ End User เราทำตัวเหมือน Wholesaler โดยเราทำธุรกิจขาย Solutions มานานกว่า 10ปี โดยให้คำปรึกษาแนะนำ ให้ลูกค้าไปทำธุรกิจต่อ โดยเรามี 3DD www.print3dd.com จำหน่าย Solution 3D Print, Scan เราดูแลหลังการขาย ซ่อมเครื่องมือ และทำ Knowledge Center ให้ลูกค้าเข้ามาอ่านเพื่อให้ใช้เครื่องอย่างมีประสิทธิภาพ Dfine3D www.dfine3d.com จำหน่าย Solution Virtual Experience เราไม่ได้ขายสินค้าขาด แต่รวมถึงการดูแลระยะยาว เพื่อให้เราและลูกค้าเติบโตไปพร้อมกัน

Leave a Reply